TACC (BUY : Fair Price : Bt6.83) : ค่อยๆ ดีขึ้น

Published
10 November 2023
Share this article:

TACC รายงานกำไรสุทธิงวด 3Q23 ที่ 51 ล้านบาท (-17%YoY,-13%QoQ) โดยการลดจากปีก่อนยังคงเป็นเหตุผลเดิมที่เคยเกิดตั้งแต่ต้นปีคือต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ส่วนเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าเป็นผลจากฤดูกาลที่เป็นช่วงฤดูฝน แต่สิ่งที่เป็นปัจจัยบวกคืออัตรากำไรขั้นต้นที่ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องหลังจากลงไปต่ำสุดในช่วง 4Q22 ที่ผ่านมา ทั้งนี้แนวโน้มช่วง 4Q23 เราคาดว่าผลประกอบการจะกลับมาเติบโตได้ทั้งเมื่อเทียบกับปีก่อนและ 3Q23 จากปัจจัยบวกเรื่องการเข้าสู่ช่วง High Season ของการท่องเที่ยว อย่างไรก็ตามด้วยค่าใช้จ่ายในการขายที่มากขึ้นทำให้เราปรับกำไรในปี 23-24 ลง5% และ 14% มาอยู่ที่ 201 ล้านบาท (-15%YoY) และ 219 ล้านบาท (+9%YoY) ตามลำดับ สำหรับคำแนะนำการลงทุน ด้วยการขยายตัวของรายได้ตามการเปิดสาขาของร้าน 7-11 เราจึงยังคงแนะนำ “ซื้อ” เช่นเดิมโดยประเมินมูลค่าเหมาะสมที่ 6.83 บาท (19XPER’24E)

3Q23 รายงานกำไรสุทธิ 51 ล้านบาท (-17%YoY,-13%QoQ)

• กำไรสุทธิงวด 3Q23 อยู่ที่ 51 ล้านบาท (-17%YoY,-13%QoQ) โดยการลดลงจากปีก่อนเกิดจากต้นทุนวัตถุดิบและค่าใช้จ่ายทางการตลาดที่เพิ่มขึ้น ส่วนการลดลงจาก 2Q23 เป็นผลตามฤดูกาลที่เป็นช่วงฤดูฝน

• รายได้อยู่ที่ 426 ล้านบาท (+12%YoY,-5%QoQ) เทียบกับปีก่อนยังคงเติบโตได้ดีตามการเปิดสาขาใหม่ของ 7-11 ทั้งในและต่างประเทศ ส่วนเมื่อเทียบกับ 2Q23 ลดลงจากผลของฤดูกาล ด้านรายได้จากการจำหน่ายอาหารเสริมและผลิตภัณเสริมความงามไตรมาสนี้มีจำนวน 3.6 ล้านบาท (+84%QoQ)

• กำไรขั้นต้น 33.3% ลดลงจาก 35% ใน 3Q22 ตามผลกระทบของต้นทุนที่เพิ่มขึ้น แต่ดีขึ้นจาก 32.7% ใน 2Q23 ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 3 ติดต่อกันหลังจากต่ำสุดในช่วง 4Q20 ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร 76 ลบ. (+24%YoY.-4%QoQ) เพิ่มมากในส่วนของค่าใช้จ่ายทางการตลาดเพราะมีการใช้รายการส่งเสริมการขายมากขึ้นในธุรกิจอาหารเสริม

• ส่วนแบ่งขาดทุนจากบริษัทร่วม (TCI) 2.4 ลบ. ทรงตัวจาก 2Q23 แต่เพิ่มขึ้นจาก 0.3 ลบ. ใน 3Q224Q23 เข้าสู่ช่วง High Seasons ของการท่องเที่ยว

• แนวโน้ม 4Q23 คาดว่าผลประกอบการจะฟื้นตัวได้อีกครั้งเพราะเข้าสู่ช่วง High Seasons ของการท่องเที่ยว รวมถึงฐานที่ต่ำในปีก่อน (4Q22 กำไรสุทธิเพียง 44 ล้านบาท)

ปรับกำไรปี 23-24 ลง 5% และ 15% แต่ยังแนะนำ “ซื้อ”

• กำไรสุทธิในช่วง 9M23 คิดเป็นสัดส่วน 69% ของกำไรทั้งปีที่คาดไว้ที่ 213 ล้านบาท ขณะที่ 4Q23 แม้ว่าเราจะคาดว่าเติบโตได้ แต่ด้วยค่าใช้จ่ายในการขายที่อยู่ในระดับสูง ทำให้เราปรับกำไรทั้งปีลง 5% มาอยู่ที่ 201 ล้านบาท (-15%YoY) ส่วนปี 24 ด้วยค่าใช้จ่ายในการขายที่เพิ่มขึ้นรวมกับรายได้จากธุรกิจใหม่อาจจะเติบโตได้ช้ากว่าที่เคยคาดไว้ เราจึงปรับกำไรสุทธิลง 15% มาอยู่ที่ 219 ล้านบาท (+9%YoY) ส่วนรายได้คาดไว้ที่ 1,859 ล้านบาท (+10%YoY)

• คำแนะนำการลงทุนเรามองว่า TACC ยังมีโอกาสเติบโตได้ตามการเปิดสาขาใหม่ของทั้ง 7-11 เราจึงคงแนะนำ “ซื้อ” เช่นเดิมและประเมินมูลค่าเหมาะสมที่ 6.83 บาท (19XPER’24E)