Pi STOCK UPDATE : PTTGC (BUY : FAIR PRICE Bt38.75)

Published
16 August 2023
Share this article:

" ฟื้นตัวแน่นอนแต่อาจล่าช้าไปบ้าง "

ขาดทุนสุทธิไตรมาส 2/23 ที่ 5.6 พันล้านบาท จากกำไร 1.4 พันล้านบาทในไตรมาส 2/22 และ 82 ล้านบาทในไตรมาส 1/23 ฉุดจากผลงานที่ลดลงในธุรกิจต้นน้ำ โรงกลั่น โพลีเมอร์ และเคมีภัณฑ์ เรามองว่าไตรมาส 2/23 จะเป็นผลประกอบการที่ต่ำสุดของปี และคาดว่าจะพลิกฟื้นในไตรมาส 3/23 หนุนจากผลงานกลุ่มโรงกลั่นต้นน้ำที่ปรับดีขึ้น เพราะค่าการกลั่นได้ปรับเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงในรอบปีแล้ว แต่คาดว่าธุรกิจโพลีเมอร์และเคมีภัณฑ์จะยังอยู่ภายใต้แรงกดดัน ซึ่งจะฟื้นตัวภายในปี 2024 หลังจากรอบการเพิ่มกำลังการผลิตสิ้นสุดลง บวกกับอุปสงค์ที่ฟื้นตัวขึ้นจากจีน ดังนั้น เมื่อพิจารณาจากการฟื้นตัวของกำไรและมูลค่าหุ้นที่ไม่แพง เราจึงคงคำแนะนำ "ซื้อ" มูลค่าพื้นฐาน 43.00 บาท

ผลประกอบการไตรมาส 2/23 ต่ำกว่าตลาดคาด

ขาดทุนสุทธิไตรมาส 2/23 ที่ 5.6 พันล้านบาท จากกำไร 1.4 พันล้านบาทในไตรมาส 2/22 และ 82 ล้านบาทในไตรมาส 1/23 ต่ำกว่าที่เราและตลาดคาด หากไม่รวมรายการอัตราแลกเปลี่ยน (FX) และการป้องกันความเสี่ยง จะมีผลขาดทุนจากการดำเนินงานที่ 2.6 พันล้านบาท (ลดจากกำไร 1.37 หมื่นล้านบาทในไตรมาส 2/22 และขาดทุน 240 ล้านบาทในไตรมาส 1/23) ฉุดจากผลงานที่ลดลงในธุรกิจต้นน้ำ โรงกลั่น โพลีเมอร์ และเคมีภัณฑ์

ธุรกิจต้นน้ำ (44% ของ EBITDA รวม) มีผลงานที่ชะลอตัวลง ด้วย EBITDA ที่ลดลง 67% YoY และ 42% QoQ จากค่าการกลั่นที่ลดลง สำหรับส่วนแบ่งจากธุรกิจอะโรเมติกส์ก็ลดลงเพราะส่วนต่างราคาเบนซิน (BZ) และผลิตภัณฑ์พลอยได้ที่ลดลง ขณะที่ผลงานด้านโอเลฟินส์ปรับเพิ่มขึ้นจากอัตราการดำเนินงานที่สูงขึ้นและต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลงตามราคาน้ำมันดิบ

ธุรกิจโพลีเมอร์และเคมีภัณฑ์ (16%) มีผลงานที่ลดลงจากราคาพลาสติกเรซิ่นที่อ่อนตัวและอุปสงค์ที่ต่ำคาดหลังจีนเปิดประเทศ ส่วนผลงานจากธุรกิจเคมีภัณฑ์ (22%) ยังทรงตัว QoQ จากปริมาณขายที่นิ่ง การคุมต้นทุนและจัดการด้านราคาได้ดี

คาดกำไรฟื้นตัวท่ามกลางความท้าทายด้านเศรษฐกิจมหภาค

เรามองว่าไตรมาส 2/23 จะเป็นจุดต่ำสุดของปีนี้ และคาดว่าจะฟื้นตัวในไตรมาส 3/23 หนุนจากผลงานในธุรกิจต้นน้ำที่ปรับดีขึ้น โดยคาดว่าค่าการกลั่นจะดีขึ้น QoQ หลังจากส่วนต่างราคาน้ำมันชนิดกลาง (ดีเซลและเชื้อเพลิงอากาศยาน) ได้แรงหนุนจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งในภูมิภาคและสต็อกที่ลดลง ทั้งนี้ แม้ส่วนต่างราคาปิโตรเคมี (โพลีเมอร์) จะมีสัญญาณฟื้นตัวชัดเจนในครึ่งแรกปี 2023 แต่คาดว่าเศรษฐกิจโลกที่ชะลอลงจากเงินเฟ้อและนโยบายการเงินของกลุ่มธนาคารกลางจะเป็นปัจจัยกดดันต่อส่วนต่างราคาในครึ่งหลังปี 2023 ขณะที่เรามีมุมมองเชิงบวกมากขึ้นต่อภาพรวมปี 2024-25 เพราะคาดถึงอุปสงค์โพลีเมอร์ที่โตขึ้น (PE, PP ฯลฯ) สูงกว่ากำลังการผลิตส่วนเพิ่มในตลาดโลกปีหน้า

คงคำแนะนำ "ซื้อ" มูลค่าพื้นฐาน 43.00 บาท

เราคงคำแนะนำ "ซื้อ" มูลค่าพื้นฐาน 43.00 บาท อิง 0.65x PBV’23E ใกล้เคียง -1SD ต่อค่าเฉลี่ย 5 ปี โดยเรามองว่าราคาหุ้นปัจจุบันสะท้อนผลประกอบการที่อ่อนแอในไตรมาส 2/23 ไปแล้ว ดังนั้นเราจึงคาดว่ามูลค่าหุ้นที่ไม่แพงและประเด็นกำไรฟื้นตัวในครึ่งหลังปี 23/24 จะช่วยหนุนราคาหุ้นขึ้นได้หลังจากนี้