MEGA (BUY : Fair Price : Bt52.00) : ลูกหนี้ค้างชำระพุ่ง YoY ในไตรมาส 3/23

Published
17 November 2023
Share this article:

กำไรสุทธิไตรมาส 3/23 อยู่ที่ 536 ล้านบาท กำไรปกติอยู่ที่ 639 ล้านบาท (-4%YoY, -10%QoQ) กำไรลดลง YoY และ QoQ กดดันจากฐานสูงของปีก่อนที่มีอุปสงค์ต่อสินค้าโภชนเภสัชที่แข็งแกร่ง (วิตามินและอาหารเสริม) และการสูญเสียลูกค้า 1 รายสำคัญในเมียนมา ทั้งนี้ แม้ลูกหนี้ค้างชำระจะปรับเพิ่มขึ้นสูงเป็น 1 พันล้านบาท (+150%YoY) แต่เรามองว่าบริษัทจะเก็บหนี้ส่วนนี้ได้ในช่วงไตรมาส 4/23 แต่ถ้าเกิดกรณีเลวร้ายที่บริษัทไม่สามารถเก็บหนี้มูลค่าราว 600 ล้านบาทได้ เรามองว่าจะกระทบกำไรของ MEGA แค่ไตรมาสเดียว ด้วยเหตุนี้จึงคงคำแนะนำ "ซื้อ" มูลค่าพื้นฐาน 52.00 บาท

กำไรไตรมาส 3/23 ลดลง YoY เพราะฐานสูง

• รายได้ธุรกิจ Mega We Care (สินค้าแบรนด์) ลดเหลือ 1.9 พันล้านบาท (-6%YoY, -5%QoQ) ในไตรมาส 3/23 แม้สินค้ากลุ่มเภสัชจะฟื้นตัวแต่ไม่สามารถชดเชยการปรับตัวลดลงของกลุ่มสินค้าโภชนเภสัช (วิตามินและอาหารเสริม) ที่เคยมีฐานสูงจากปีก่อนเพราะอุปสงค์ที่แข็งแกร่งได้ อุปสงค์ที่แข็งแกร่งในปีก่อนมีสาเหตุมาจากความต้องการในการรักษาสุขภาพและป้องกันโรคในกลุ่มผู้บริโภค อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) สำหรับหน่วยธุรกิจจี้หดตัวเป็น 65.3% ในไตรมาส 3/23 จาก 67.0% ในไตรมาส 3/22 และ 65.8% ในไตรมาส 2/23 สืบเนื่องจากสัดส่วนสินค้าที่ไม่ค่อยทำกำไร

• รายได้ธุรกิจ Maxxcare (จัดจำหน่าย) ลดลงเหลือ 1.8 พันล้านบาท(-5%YoY, -3%QoQ) ในไตรมาส 3/23 เพราะสูญเสียลูกค้าสำคัญไป 1 รายและกำลังซื้อผู้บริโภคที่ลดลง ส่วน GPM ของธุรกิจนี้ปรับเพิ่มเป็น 25.9% ในไตรมาส 3/23 จาก 24.5% ในไตรมาส 3/22 และ 24.5% ในไตรมาส 2/23 หนุนจากการบริหารจัดการภายในที่ดีขึ้นและสัดส่วนรายได้ที่ทำเป็นใจหลังจากลูกค้ารายใหญ่หายไปหนึ่งราย

• อัตราส่วนค่าใช้จ่ายการขายและบริหาร (SG&A) ต่อยอดขายลดลงเป็น 26.8% ในไตรมาส 3/23 จาก 27.0% ในไตรมาส 3/22 และ 26.0% ในไตรมาส 2/23

ภาพปานกลางในปี 2023

เราคาดว่ายอดขายธุรกิจ Mega We Care จะลดลง 2% YoY ในปี 2023 แม้รายได้สินค้าเภสัชตามใบสั่งแพทย์จะฟื้นตัวพร้อมกับจำนวนผู้ป่วยในโรงพยาบาลที่ปรับเพิ่มขึ้น แต่ก็ไม่สามารถชดเชยสินค้าโภชนเภสัชที่ปรับลดลงจากฐานสูงปีก่อนที่มีอุปสงค์มาจากกระแสรักสุขภาพและการป้องกันโรค ส่วนยอดขายของ Maxxcare คาดว่าจะลดลง 3% YoY ในปี 2023 เพราะเสียลูกค้าสำคัญไป 1 ราย ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 7% ของรายได้รวมในธุรกิจ Maxxcare ปี 2022 และคาดการณ์ว่ากำลังซื้อผู้บริโภคจะลดลงจากเงินเฟ้อที่สูงขึ้นในเมียนมา ด้วยเหตุนี้เราจึงคาดว่ากำไรปกติจะลดลง 3% YoY ในปี 2023 เรายังคงมุมมองเชิงบวกต่อภาพรวมการเติบโตระยะยาว หนุนจากการเปิดตัวสินค้าใหม่และอุปสงค์กลุ่มสินค้าเพื่อสุขภาพที่โตขึ้น

แนะนำ "ซื้อ" ราคาหุ้นไม่แพง

มูลค่าพื้นฐานที่ 52.00 บาท คำนวณด้วยวิธีคิดลดเงินสด (DCF) (WACC 10%, TG 3%) อิง 19xPE’24E คิดลด 30% ต่อค่าเฉลี่ยกลุ่มการแพทย์ไทย และใกล้เคียงค่าเฉลี่ยซื้อขาย 3 ปี