Pi STOCK UPDATE : CENTEL (HOLD : FAIR PRICE : Bt55.00)
" กำไรไตรมาส 1/23 ดีกว่าที่เราและตลาดคาด "
กำไรสุทธิไตรมาส 1/23 อยู่ที่ 629 ล้านบาท หากไม่รวมกำไรอัตราแลกเปลี่ยน (FX) กำไรปกติจะอยู่ที่ 604 ล้านบาท (+21%QoQ พลิกฟื้นจากขาดทุน 44 ล้านบาทในไตรมาส 1/22) นับเป็นผลประกอบการที่สูงสุดในรอบ 4 ปี และดีกว่าที่ตลาดและเราคาด 18% และ 11% ตามลำดับ หนุนจากผลงานธุรกิจโรงแรมที่แข็งแกร่ง เพราะอัตรารายได้เฉลี่ยต่อห้องพักต่อคืน (RevPar) (ไม่รวมดูไบ) ที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยปี 2019 อยู่ 5% ทำให้ธุรกิจโรงแรมมีกำไรปกติที่ 513 ล้านบาท (+43%QoQ) แต่ธุรกิจอาหารมีการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ที่ 8% ซึ่งไม่เพียงพอต่อการชดเชยราคาวัตถุดิบที่สูง รวมถึงค่าแรงที่เพิ่มขึ้น และบิลค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้นได้ ปัจจุบัน CENTEL ซื้อขายกันที่ 40.2xPE’23 สูงค่าเฉลี่ยกลุ่ม (ไม่รวม AWC) ที่ 32.7x ขณะที่เรามองว่าประเด็นการฟื้นตัวของกำไรในปี 2023 ได้สะท้อนผ่านราคาหุ้นไปพอสมควรแล้ว จึงคงคำแนะนำ "ถือ" มูลค่าพื้นฐานเดิมที่ 55 บาท
**กำไรไตรมาส 1/23 ดีกว่าตลาดคาด **
• รายได้ธุรกิจโรงแรม (ไม่รวมค่าธรรมเนียมการบริหารจัดการและรายได้อื่น) แตะยอดสูง 17 ไตรมาสที่ 2.5 พันล้านบาท (+137%YoY +20%QoQ) หนุนจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งของธุรกิจโรงแรมในไทยและมัลดีฟส์ ที่พุ่งขึ้นแรง YoY ได้แรงหนุนจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งของกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติในโรงแรมไทย ที่มี RevPar ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดที่เพิ่มขึ้นเกือบ 4 เท่าจากไตรมาส 1/22 และสูงกว่าค่าเฉลี่ยปี 2019 อยู่ 20% และ 22% ตามลำดับ
• รายได้ที่โตขึ้น QoQ เป็นผลจาก RevPar ของโรงแรมในมัลดีฟส์และต่างจังหวัดในไทยที่โตขึ้น 41%QoQ และ 35%QoQ ตามลำดับ จากการที่เข้าสู่ช่วง high season แต่ RevPar ในมัลดีฟส์นั้นลดลง 2%YoY จากฐานสูงในไตรมาส 1/22 เพราะต้องรักษาขีดความสามารถในแง่การแข่งขันซึ่งสะท้อนไปที่อัตราราคาห้องพักเฉลี่ย (ARR) ถูกปรับลดลง 5%YoY เพื่อกระตุ้นอัตราการเข้าพัก (89% ในไตรมาส 1/23 เทียบ 86% ในไตรมาส 1/22 และ 68% ในไตรมาส 4/23)
• อานิสงส์จาก Operating leverage และการคุมค่าใช้จ่ายการดำเนินงาน (OPEX) เป็นอย่างดี ทำให้ EBITDA margin ฟื้นตัวดีจนแตะยอดสูง 16 ไตรมาสที่ 39.6% แต่ยังต่ำค่าเฉลี่ย 42.4% ของไตรมาส 1/19
• รายได้ธุรกิจอาหารลดลงเล็กน้อย 3%QoQ เป็น 3.0 พันล้านบาท จากปัจจัยตามฤดูกาล แต่ยังโตได้ 15%YoY จากรายได้ในสาขาย่านท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวขึ้น และอุปสงค์การทานอาหารภายในอาคารที่โตต่อเนื่อง ทำให้ SSSG ขยายตัวอยู่ที่ 8% เทียบ +10% ในไตรมาส 1/22 และ +12% ในไตรมาส 4/22 แต่ EBITDA margin ยังอยู่บนแนวโน้มลดลงมาอยู่ที่ 18.1% (23.8% ในไตรมาส 1/22 และ 20.1% ในไตรมาส 4/22) เพราะฐานราคาวัตถุดิบที่ยังสูงอยู่ รวมถึงผลกระทบจากการปรับเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำในไตรมาส 4/22 และบิลค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้น
คาดกำไรไตรมาส 2/23 จะลดลง QoQ แต่ยังโตได้ YoY
• คาดช่วง low season ของธุรกิจโรงแรมทั้งในไทยและมัลดีฟส์จะฉุดกำไรในไตรมาส 2/23 และ 3/23 ลง แม้การปิดซ่อมบำรุงบางส่วนของโครงการเซ็นทารากะรน ภูเก็ตและมิราจ พัทยาในไตรมาส 3/23 (15% ของรายได้ธุรกิจโรงแรมในช่วงก่อนเกิด COVID-19) รวมถึง OPEX เบื้องต้นจากการเปิดให้บริการเซ็นทารา แกรนด์ โอซาก้าช่วงปลายไตรมาส 2/23 อาจบั่นทอนกำไรลงแต่ไม่คิดว่าจะกระทบอะไรมากนัก อย่างไรก็ดี เราประเมินว่ากำไรปี 2023 จะสูงกว่าปี 2019 หนุนจาก RevPar ของธุรกิจโรงแรมในช่วงครึ่งหลังปี 2023 ที่คาดว่าจะยืนเหนือค่าเฉลี่ยช่วงก่อน COVID-19 ได้ และ EBITDA margin ของธุรกิจอาหารที่จะค่อย ๆ ฟื้นตัวขึ้นจากต้นทุนอาหารและค่าไฟฟ้าที่ลดลง ทั้งนี้ขนาดของ upside จะขึ้นอยู่กับจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่ฟื้นตัวเร็วกว่าคาด ซึ่งเคยคิดเป็น 15% ของจำนวนคืนที่แขกเข้าพักในโรงแรมของเครือ CENTEL ในปี 2019
• คงคำแนะนำ "ถือ" เราไม่แนะนำให้นักลงทุนไล่ราคาหุ้น CENTEL เพราะปัจจัยบวกระยะสั้นที่มาช่วยหนุนการฟื้นตัวของกำไรได้สะท้อนผ่านราคาหุ้นมากแล้ว ขณะที่คาดว่าแนวโน้มการเติบโตของกำไรในไตรมาส 2/23 และ 3/23 จะแผ่วลงเพราะเป็นช่วง low season ขณะที่บริษัทมีแผนการเติบโตระยะยาวด้วยเป้าหมายในการกระตุ้นรายได้ขึ้นเท่าตัวเป็น 4.3 หมื่นล้านบาทภายในปี 2027 (2.0 หมื่นล้านบาทสำหรับธุรกิจโรงแรม 1.82 หมื่นล้านบาทสำหรับธุรกิจอาหาร และ 4.7 พันล้านบาทจากโครงการร่วมทุนหรือ JVs) โดยเราคาดว่าแผนการขยายธุรกิจอาหารและโรงแรมในแผนงานปัจจุบันนั้นยังไม่เพียงพอต่อการบรรลุเป้าหมายดังกล่าว ทั้งนี้ ด้วยงบดุลที่แข็งแกร่งจากอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อเงินทุน (IBD/E ratio) ที่ยังไม่สูงที่ 0.8x เราจึงคาดว่าบริษัทจะมีดีลเข้าซื้อธุรกิจทางอ้อมในปีถัด ๆ ไปเพื่อบรรลุเป้าหมายของผู้บริหาร